บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๑๒) ปะทะเดือด..บุกทวงคืนเขาพระวิหาร

การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ตั้งแต่ 25 พ.ค.2551 ทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่ง คือ 18 มิ.ย.2551 "นพดล ปัทมะ" รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น ต้องยอมเปิดเผยมติ ค.ร.ม.และแผนที่ที่ได้ไปลงนามในแถลงการณ์ยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จนมีการให้ข้อมูลเรื่องปราสาทพระวิหารอย่างเข้มข้น มีการแฉแผนขายอธิปไตยยกเขาพระวิหารแลกสัมปทานขุดก๊าซ ซึ่งเรื่องเขาพระวิหารนี้ ปลุกกระแสความสนใจและความรักชาติอย่างสูงสุด...



ในเวลานั้น รัฐบาลยังคงเดินหน้าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบให้เป็นมรดกโลก แม้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่าเรื่องนี้ ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาดังกล่าว ถือเป็น "หนังสือสนธิสัญญา" ทางพันธมิตรฯ จึงนำเสนอข้อมูลเรื่องเขาพระวิหารอย่างเข้มข้น เมื่อรัฐบาลไม่ยอมฟังประชาชน พันธมิตรกลุ่มหนึ่งจึงตัดสินใจจะไปที่เขาพระวิหาร


ในช่วงนั้น กลุ่มธรรมยาตรา นำโดยคุณสมาน ศรีงาม ได้เดินเท้าไปยังปราสาทพระวิหาร และมีตัวแทนกลุ่มเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมในพื้นที่ที่เกิดปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ


ที่เวทีพันธมิตรใน กทม. ได้ประกาศนัดหมายเชิญชวนผู้สนใจไปบุกทวงปราสาทพระวิหาร จะมีรถออกจาก กทม.ไปที่เขาพระวิหาร จาก กทม. - กันทรลักษณ์ ศรีสะเกษ - เขาพระวิหาร ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ไปพบกันที่นั่น 17 กรกฎาคม 2551


สารวัตรจ๊าบทราบข่าวนี้ ได้จัดรถไป 2 คัน รวบรวมพลจากบุรีรัมย์ เตรียมธง เตรียมอุปกรณ์ไปอย่างดี แล้วเดินทางไปที่เขาพระวิหารทันที ไปรอรับพันธมิตรที่มาจาก กทม.และจังหวัดต่างๆ เมื่อพี่น้องพันธมิตรจากที่ต่างๆทยอยมาถึง ต่างตั้งขบวน จัดรถเครื่องเสียง แล้วเดินเป็นแถวยาว ถือธงทิวเดินเข้าไป โดยมีสารวัตรจ๊าบ ถือโทรโข่งเดินนำหน้าขบวน


ในช่วงเดือน กรกฏาคม 2551 มีการจัดเวทีพันธมิตรในหลายจังหวัดของภาคอีสาน ตั้งแต่ขอนแก่น นครพนม สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ หลายจังหวัดมี นปก.เข้ามาก่อกวน ยิงหนังสติ๊ก ขว้างปาหิน มุ่งทำร้ายให้บาดเจ็บ ที่บุรีรัมย์ ก็พึ่งผ่านเหตุการณ์ นปก.เกือบ 1,000 คน บุกรื้อเวที, ข่มขู่ไม่ให้ตั้งจอถ่ายทอดสด ASTV ซึ่งในครั้งนั้น สารวัตรจ๊าบแก้ไขสถานการณ์ พาพันธมิตรบุรีรัมย์กว่า 30 คน รอดพ้นจาก นปก. 1,000 คน ที่มาปิดล้อม ออกมาได้อย่างปลอดภัย เพียง 1 สัปดาห์จากวันนั้น สารวัตรจ๊าบก็พาทีมการ์ด บุกเขาพระวิหารอีกแล้ว


ขบวนแถวพันธมิตร ตั้งแถวเดินทางไปยังทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เดินมาถึงทางไปบ้านภูมิสลอน ตรงกลางถนน มีเต็นท์มาตั้งบนถนน กลุ่มชาวบ้านกว่า 200 คน ปิดถนนรออยู่ที่นั่น นำโดย นายก อบต.คนหนึ่งซึ่งเป็นคนของ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน กำลังปราศรัยปลุกระดมชาวบ้านในบริเวณนั้น ทำการปิดถนนไม่ให้ใครผ่านเข้าไปในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ยกเว้นรถของตำรวจและทหาร


สารวัตรจ๊าบเดินนำหน้า มีการ์ดอาสาแต่ละคนคล้องแขนต่อกันเป็นแนว ตามด้วยขบวนถือธงชาติ เดินตามกันมาเป็นขบวน มีพี่น้องพันธมิตร เด็ก ผู้หญิง คนแก่เดินร่วมในขบวนด้วย บนรถเครื่องเสียงมีคุณวีระ สมความคิด พูดปราศรัยอยู่ที่นั่น ทันทีที่ขบวนของพันธมิตรเข้ามาใกล้เต็นท์กลางถนน ชาวบ้านกลุ่มนั้นวิ่งเข้ามาโห่ ตะโกนด่าขับไล่ บางคนขว้างหิน ไม้จากข้างทางเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ หลายคนถือไม้เข้ามาไล่ตี การ์ดอาสาพันธมิตรที่มีธง จึงต้องวิ่งออกมาสกัด ถือไม้ไล่ตีบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นเข้ามาไล่ตีทำร้ายพี่น้องพันธมิตรที่อยู่ในขบวน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนดูเหตุการณ์ตะลุมบอนอย่างหน้าตาเฉย

ชาวบ้านส่วนหนึ่งเริ่มโยนท่อนไม้เข้ามาใส่พี่น้องพันธมิตร การ์ดอาสาบางคนขว้างไม้กลับไปบ้าง แต่สารวัตรจ๊าบบอกให้เก็บท่อนไว้เอาไว้ จนชาวบ้านกลุ่มนั้นโยนไม้จนหมด ไม่มีอะไรจะโยน ตำรวจตั้งแถวเข้ามา พี่น้องพันธมิตรแถวหน้าจึงออกแรง ดันแนวป้องกันของตำรวจ จนสามารถผ่านจุดนั้นไปได้

กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนขบวนเดินเท้าต่อไป เพื่อจะขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เมื่อเดินมาถึงบริเวณทางโค้ง บ้านโนนขาขาด ก็เจอกลุ่มชาวบ้านปิดถนนตรงจุดนั้นเป็นด่านที่ 2

สงครามเครื่องเสียงเริ่มต้นอีกครั้ง ฝ่ายชาวบ้านตะโดนด่าทอผ่านเครื่องเสียง คุณวีระ สมความคิดและทีมงานก็พูดปราศรัยบนรถ เสียงตะโกนด่าทอดังไปทั่งบริเวณ ตำรวจต้องเชิญแกนนำทั้งสองฝ่ายร่วมเจรจากัน หลังการเจรจาเสร็จ คุณวีระ สมความคิดขึ้นพูดบนรถ 6 ล้อ แจ้งกับพี่น้องพันธมิตรว่า กลุ่มชาวบ้านยอมให้ตัวแทนของพันธมิตรเข้าไปในพื้นที่เพียง 50 คนเท่านั้น

พันธมิตรหลายคนโห่ร้องขึ้นมาทันที ทำไมคนไทยจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปในดินแดนของไทย ทำไมชาวบ้านจึงมาขัดขวางคนไทยด้วยกันเอง แต่คนเขมรที่รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย ทำไมชาวบ้านกลุ่มนี้ถึงอยู่เฉยๆ

เพียงครู่เดียวที่พี่น้องพันธมิตรโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ ชาวบ้านกลุ่มนั้นได้ขว้างไม้และขวดเหล้าเข้าไปในกลุ่มพันธมิตรที่รวมตัวชุมนุมกันอย่างหนาแน่นในจุดนั้น ตำรวจที่อยู่ตรงกลางพยายามกันกลุ่มพันธมิตรไม่ให้เดินเข้ามา แต่ตำรวจต้องถอยร่นเป็นระยะๆ กลุ่มชาวบ้านที่อยู่หลังตำรวจพยายามวิ่งเข้ามา เพื่อขว้างปาท่อนไม้ หิน เข้าใส่พันธมิตร จนพี่น้องหลายคนบาดเจ็บ เลือดอาบ มีชาวบ้านส่วนหนึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา คว้าไม้ไล่ตีพันธมิตร จนเกิดการบาดเจ็บหลายคน แม้แต่ผู้หญิงก็ได้รับบาดเจ็บด้วย

การ์ดพันธมิตรต้องออกมาป้องกัน ตีโต้กลับไปบ้าง มีการขว้างไม้เข้ามาอีก สารวัตรจ๊าบสั่งให้เก็บท่อนไม้เอาไว้ ช่วงจังหวะหนึ่ง แว่นตาของสารวัตรจ๊าบหล่น จึงก้มลงเก็บแว่นตา จังหวะนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งขว้างท่อนไว้ใส่สารวัตรจ๊าบ ท่อนไม้เฉียดผ่านศรีษะของสารวัตรจ๊าบไป เพราะก้มลงเก็บแว่นตาพอดี

มีข้าราชการในพื้นที่เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา แต่ไปยืนพูดที่เต็นท์ของกลุ่มชาวบ้านที่มาขัดขวางพันธมิตร จนคุณวีระ สมความคิดและทีมงานต้องประกาศให้ข้าราชการคนนั้นมาพูดที่ฝั่งของพันธมิตรบ้าง มีการยื้อกันอยู่นาน คุณวีระ พูดปราศรัยตลอดทั้งวันจนหมดเสียง สารวัตรจ๊าบยืนอยู่แนวหน้าคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด เมื่อยื้อกันนานหลายชั่วโมง ในที่สุดพันธมิตรซึ่งมีจำนวนมากกว่าก็ฝ่าด่าเข้าไปได้ โดยมีพี่น้องพันธมิตรได้รับบาดเจ็บหลายคน

เมื่อพันธมิตรเข้าไปได้ เข้าไปให้กำลังใจทหาร นำน้ำและอาหารไปให้ทหารที่ประจำการอยู่ที่นั่น และขึ้นไปอ่านคำประกาศ 4 ข้อที่หน้าปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นคำประกาศที่ผ่านการต่อสู้ ขัดขวางด้วยวิธีการป่าเถื่อน จนต้องบาดเจ็บ เลือดอาบ โดยฝีมือคนไทยด้วยกันเอง

เหตุการณ์ในวันนั้น เป็นการปะทะเดือดที่มีพี่น้องพันธมิตรบาดเจ็บหลายคน ซึ่งในช่วงสัปดาห์ต่อมา เกิดเหตุปะทะเดือดที่มหาสารคาม บุรีรัมย์ และอุดรธานี...

-----------------


ปิดท้ายด้วยคำประกาศ 4 ข้อ ที่นำไปอ่านหน้าปราสาทพระวิหาร หลังผ่านเหตุการณ์ปะทะเดือดในวันนั้น.....

**

"เราในฐานะประชาชนชาวไทย ขอประกาศหน้าปราสาทพระวิหารว่า

1. ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย เป็นการอยู่ในราชอาณาจักรไทยตามแนวเขตสันปันน้ำ ซึ่งเป็นการปักปันเขตแดนเอาไว้ระหว่างคณะทำงานร่วมของประเทศฝรั่งเศสและสยามประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2447 ดังนั้น เราในฐานะประชาชนชาวไทย จึงยังคงยึดถือแนวเขตปักสันปันน้ำดังกล่าวว่า เป็นการกำหนดพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชาตลอดมา โดยถือว่า ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเป็นของราชอาณาจักรไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีพื้นที่กันชนใดๆทั้งสิ้น แม้จะมีคำพิพากษาของศาลโลกอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ว่าตัวปราสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชาเมื่อปี พ.ศ.2505 ก็ตาม แต่รัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ไม่เห็นชอบด้วยคำตัดสินดังกล่าวตั้งแต่นั้นมา โดยรัฐบาลไทยได้ประกาศคัดค้าน พร้อมทั้งสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารเอาไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2505 จวบจนถึงปัจจุบัน

2. กรณีที่รัฐบาลหุ่นเชิดของไทยในชุดปัจจุบันซึ่งได้มีอำนาจมาจากการโกงการ เลือกตั้ง ได้สมคบกับผู้นำบางคนในรัฐบาลกัมพูชา เพื่อให้ผู้นำบางคนของกัมพูชาใช้เป็นประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยยินยอมยกอธิปไตยของไทยบางส่วนให้ประเทศกัมพูชาได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบให้เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยมุ่งหวังแลกเปลี่ยนเอาประโยชน์ในสิทธิสัมปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใน อ่าวไทย รวมทั้งสิทธิสัมปทานอื่นๆบนเกาะกง และพื้นที่อื่นๆในกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องนั้น ถือเป็นการทำที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ต่อทั้งประชาชนชาวไทยและหประชาชนชาวกัมพูชา การที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการยอมรับแผนที่แก้ไขเพิ่มเติมฝ่ายเดียวของกัมพูชา และลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ซึ่งถือเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชนและรัฐสภานั้นเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบท บัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ ตามคำพิพากษาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 8 กรกฎาคม 2551 ดังนั้น หนังสือและสัญญาแผนที่ใดๆที่รัฐบาลไทยได้ไปตกลงหรือลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับ กัมพูชานั้น เราในฐานะประชาชนชาวไทยขอประกาศว่า เป็นโฆษะทั้งสิ้น

3. เราในฐานะประชาชนชาวไทย ขอประกาศอย่างหนักแน่นว่า เราคัดค้านไม่ยอมรับและต่อต้านมติของคณะกรรมการมรดกโลกที่เห็นชอบให้ประเทศ กัมพูชาได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบปราสาทเป็นมรดก โลก แต่เพียงฝ่ายเดียว พร้อมกันนั้นเราขอประนามมติคณะกรรมการมรดกโลกดังกล่าว ที่ได้ละเมิดอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ยอมรับการบิดเบือนข้อมูลของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ตลอดจนลงมติละเมิดมติของคณะกรรมการมรดกโลกเสียเองว่า เป็นการกระทำที่ไม่มีบรรทัดฐานที่ถูกต้องชอบธรรมลำเอียงอย่างไร้จริยธรรมและ ไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่ง เราจึงขอประกาศต่อต้านการแทรกแซงทุกรูปแบบของประเทศใดก็ตามที่จะเข้ามาริดร อนและละเมิดอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยเพื่อดำเนินการให้ปราสาทพระวิหารและ พื้นที่โดยรอบซึ่งเป็นดินแดนของราชอาณาจักรไทยให้ตกเป็นมรดกโลกของประเทศ กัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว

4. เราในฐานะประชาชนชาวไทย ขอประกาศให้รัฐบาลกัมพูชา จงรีบนำประชาชนของท่านที่ได้รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ให้ออกไปจากดินแดนไทยโดยทันที มิเช่นนั้นประชาชนชาวไทยจะอาศัยสิทธิและหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย ในการปกป้องอธิปไตยของชาติทุกรูปแบบจนถึงที่สุด

ประกาศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฏาคม พ.ศ. 2551

ประกาศ โดย ประชาชนชาวไทย





-------------------
(© 2552 เมธี ชาติมนตรี & เพ็ญพิมล ใสงาม & พันธมิตรบุรีรัมย์
Replay the memories by นายบอน 21 ม.ค.2552
-------------------











-------------------
© 2552 เมธี ชาติมนตรี & เพ็ญพิมล ใสงาม & พันธมิตรบุรีรัมย์
Replay the memories by นายบอน 7 ม.ค.2552
-------------------

Comments

0 Responses to "บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๑๒) ปะทะเดือด..บุกทวงคืนเขาพระวิหาร"

แสดงความคิดเห็น

Video from Burirum



ปิดฉากชีวิตสารวัตรจ๊าบ เปิดฉากการเมืองใหม่
วิีดีโอที่จัดทำขึ้นในงานทำบุญอัฐิ 100 วันสารวัตรจ๊าบ เมื่อ 31 มกราคม 2552 ณ จ.บุรีรัมย์

Clip งานพระราชทานเพลิงศพ สารวัตรจ๊าบ



งานพระราชทานเพลิงศพ ของ สารวัตรจ๊าบ เมื่อ 14 ต.ค.2551 ณ วัดโสมนัสวิหาร กทม.

clip video รวมภาพหายากของสารวัตรจ๊าบ

About

stat



View My Stats