เมื่อพันธมิตรบุรีรัมย์ เดินทางมาถึง กทม. ได้แวะเข้าที่บ้านพระอาทิตย์ พบกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และในช่วงบ่ายได้ออกไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรื่อยมาจนถึงช่วงเคลื่อนพลจะเดินไปที่ทำเนียบรัฐบาล มีพวก นปก.เข้ามาทำร้าย ไล่ตีพี่น้องพันธมิตรที่อยู่ท้ายขบวน การชุมนุมจึงต้องปักหลักยืดเยื้อตั้งเวทีที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อกดดันรัฐบาลให้ลาออก เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ เรื่อยมาจนเกือบจะครบเดือน แต่รัฐบาลยังนิ่งเฉย ไม่สนใจข้อเรียกร้องของพันธมิตร ซึ่งมีการชุมนุมปราศรัยอย่างสันติตลอด 24 ชั่วโมง เจอทั้งแดด ฝน การก่อกวนของ นปก. และการเปิดเครื่องเสียงของตำรวจเพื่อก่อกวนการปราศรัยบนเวที มีความพยายามข่มขู่คุกคามหลายครั้ง สารวัตรจ๊าบซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานพันธมิตรบุรีรัมย์ เข้ามารับหน้าที่เป็นครูฝึกให้กับการ์ดพันธมิตรฯ เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ มีความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี ในแต่ละวันมีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก หลายคนขออาสาทำหน้าที่เป็นการ์ด สารวัตรจ๊าบจึงเข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้ ซึ่งทำให้ผู้มาร่วมชุมนุมรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ในที่สุด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศนัดหมาย ดีเดย์ เคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2551
ก่อนการเคลื่อนพล มีการประชุมวางแผนกำลังของพันธมิตรฯ ใช้ยุทธศาสตร์สงคราม 9 ทัพ แบ่งเป็นหลายสาย มอบหน้าที่ให้ฝ่ายต่างๆ โดยไม่เปิดเผยให้ฝ่ายตำรวจรู้ ในส่วนของแกนนำสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ได้มีการนัดประชุมด่วน เมื่อ 19 มิถุนายน 2551 โดยเชิญสารวัตรจ๊าบเข้าร่วมประชุม พร้อมด้วย ป้าสำเนียง สุภัณภพ, คุณป๋อง เชษฐวุฒิ, คุณหมอศุภผล เมธาวี โดยคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ขอให้สารวัตรจ๊าบช่วย ซึ่งเขารับอาสานำหน้าขบวน
20 มิถุนายน พ.ศ.2551
พลังมวลชนมากันอย่างมากมายเต็มท้องถนน มีการนัดรวมพลที่จุดต่างๆ พันธมิตรฯหลายคนเลือกที่จะร่วมขบวนทัพที่มี 5 แกนนำ นำขบวน กลุ่มของสมัชชาประชาชนที่นำโดยคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ได้รับมอบหมายให้เดินทัพเข้ามาตามถนนในซอยวัดเบญจมบพิตร โดยมีสารวัตรจ๊าบเดินนำหน้าขบวน เริ่มเคลื่อนออกจากลานพระรูปเข้ามาตามทาง ซึ่งขบวนนี้ไม่มี 5 แกนนำ คนที่มาเป็นการ์ดอาสามีจำนวนน้อย มวลชนน้อยกว่าขบวนอื่นๆ ความฮึกเหิมไม่ค่อยมี แต่สารวัตรจ๊าบทำงานด้วยสมอง และหัวใจ มีกำลังคนเท่าไหร่ สารวัตรจ๊าบก็พาตั้งแถว พาฝึก เตรียมตัวบุกฝ่าด่านตำรวจ
เมื่อเคลื่อนขบวนมาถึงด่านวัดเบญจมบพิตร ตำรวจที่ด่านก็ทักพวกอาสาสมัครตัวล่ำๆใหญ่ๆว่า เป็นทหารเกณฑ์แอบหนีมาหรือเปล่า แต่ไม่มีใครถามสารวัตรจ๊าบ
การบุกฝ่าด่านตรงจุดนั้นใช้หลายวิธี มีการให้ผู้หญิงไปยืนคุยกับตำรวจ ส่วนสารวัตรจ๊าบกับลูกน้องก็ไปยืนอีกฝั่งหนึ่ง ชวนคุยไปเรื่อยๆ แต่ได้ทำสัญญาณเอาไว้ว่า ถ้าตำรวจเผลอให้เหยียบหลังของสารวัตรจ๊าบข้ามเข้าไปฝั่งตำรวจได้เลย โดยสารวัตรจ๊าบพูดในลักษณะก้มๆเงยๆ เตรียมพร้อมไว้
สารวัตรจ๊าบเป็นคนตัวเล็ก สูง 165 เซนติเมตร รูปร่างผอมๆ เคยรถคว่ำมาก่อน ทำให้สารวัตรจ๊าบปวดคอ ปวดหลัง ปวดกระดูกอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยอมที่จะให้การ์ดอาสาเหยียบหลังข้ามด่านตำรวจเข้าไป
เมื่อตำรวจเผลอ การ์ดอาสาหลายคนกระโดดข้ามไปอยู่ฝั่งตำรวจ เริ่มมีการออกแรงดันกัน อาสาสมัครผู้หญิงส่วนหนึ่งเข้าไปกอดตำรวจและดึงแผงกั้น เปิดทางให้มวลชนเคลื่อนเข้ามา ช่วยกันยกรถกรงขังเบี่ยงเปิดทางให้รถเวทีของคุณไชยวัฒน์เคลื่อนเข้ามาได้ มวลชนเข้ามาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเข้ามาได้ เคลื่อนพลเข้ามาจนถึงด่านกั้นที่ 3 เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เกิดการชุลมุนอีกครั้ง ซึ่งตำรวจไม่ยอมให้ผ่าน สารวัตรจ๊าบจึงนำขบวน พาดันเข้าไป ถุกตำรวจฟาดด้วยกระบองตีหัว 3 ครั้ง เหตุการณ์ช่วงนั้นสารวัตรจ๊าบเล่าให้พี่น้อยฟัง ซึ่งสารวัตรจ๊าบตะโกนขึ้นมาว่า
"ผมก็เป็นตำรวจ คุณจะตีอะไรหนักหนา คุณตีแค่สั่งสอนก็พอแล้ว"
จากนั้น สารวัตรจ๊าบก็คว้ากระบองจากตำรวจมาฟาดใส่โล่ตำรวจ แต่ไม่ตีใส่ตำรวจ!!!
ในหลายเหตุการณ์ สารวัตรจ๊าบจะยืนระหว่างตำรวจกับพันธมิตร ซึ่งมักจะพูดว่า "พันธมิตรห้ามตีตำรวจนะครับ ถ้ารักผม เชื่อผม และตำรวจก็ห้ามตีพันธมิตรฯด้วย"
ในด่านกั้นที่ 3 นั้น ตำรวจเองก็ต้านแรงไม่อยู่ พากันล้มทั้งแถบ ผู้คนต่างกรูกันเข้าไป ดันจนตำรวจตระเวณชายแดนหญิงแขนหักที่ด่านนี้ จนในที่สุดตำรวจก็ยอมให้ไป ทำนบแผงกั้นของตำรวจพังทลาย เมื่อเคลื่อนพลเข้าไป เจอรถขวางอีก มวลชนก็รุมยกเบี่ยงออก พี่น้องพันธมิตรทะลวงเข้ามาหากันได้ ทั้งขบวนของสหภาพแรงงานจากแยกมิสกวัน, ทัพใหญ่ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองจากนางเลิ้ง ต่อมามีการตั้งเวทีที่หน้าสนามม้านางเลิ้ง และในช่วงค่ำ มีการตั้งเวทีตรงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล
หลังจากการเดินนำขบวนในวันนั้น สารวัตรจ๊าบหมดแรง กลับไปนอนพักอยู่นาน ตื่นขึ้นมา ทั้งเพลียและปวดเมื่อยไปทั้งตัว
บันทึกตอนต่อไป
-------------------
© 2552 เมธี ชาติมนตรี & เพ็ญพิมล ใสงาม & พันธมิตรบุรีรัมย์
Replay the memories by นายบอน 20 ม.ค.2552
-------------------
แสดงความคิดเห็น