บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๑) เมื่อพันธมิตรบุรีรัมย์ 30 คนเผชิญหน้ากับ นปก.1000 คน



      ตั้งแต่มีการชุมนุมเมื่อ 25 พ.ค.2551 เป็นต้นมา ที่มัฆวาน มีพี่น้องพันธมิตรเข้าร่วมมากมาย แต่ฝ่ายนักการเมืองยังคงไม่สนใจ ยังออกข่าวใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนการต่อสู้ของภาคประชาชนอยู่ตลอดเวลา  กระแสเรื่องเขาพระวิหารในเวลานั้น  ทำให้หลายคนหันมาสนใจรับฟังข้อมูลของพันธมิตรมากขึ้น ทางพันธมิตรบุรีรัมย์ จึงตัดสินใจตั้งจอถ่ายทอด ASTV ที่ลานวัฒนธรรมกลางเมืองบุรีรัมย์ในช่วงปลาย มิ.ย.2551  โดยกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์ซึ่งนำโดย สารวัตรจ๊าบ....



      ในช่วงที่มีการนัดชุมนุมใหญ่ ทุกคนต่างมุ่งหน้าเข้า กทม. เพื่อรวมพล ในสัปดาห์นั้นจะไม่มีการตั้งจอถ่ายทอดสด แต่เมื่อกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์เดินทางกลับ  พี่จ๊าบ และพี่น้อย (ภรรยา) จะโทรติดต่อสมาชิกให้มาชม ASTV ที่ลานวัฒนธรรมด้วยกัน ตั้งแต่ 17.00 น.  พี่จ๊าบจะขนเครื่องเสียงที่ไปเช่ามา จัดการตั้งจอโปรเจคเตอร์ ตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียม ASTV และจัดสถานที่เตรียมพร้อมรอผู้สนใจมานั่งชม ASTV ร่วมกัน

     สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินล้วนเป็นผู้สูงอายุ 40-50 ปีขึ้นไป มีวัย 30 กว่าๆอยู่จำนวนหนึ่ง  เป็นทีมการ์ดของพี่จ๊าบ แต่ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย และเป็นกำลังหลักช่วยขนอุปกรณ์ เครื่องเสียง ดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆ



        ถ้าพูดถึง ASTV ในบุรีรัมย์ในช่วงก่อนหน้านั้น ใครที่จะดู ASTV ต้องเปิดเสียงเบาๆ เพราะไม่แน่ใจว่า คนบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นคนของนักการเมืองตระกูลห้อยหรือไม่ เรื่องราวการข่มขู่ การใช้อิทธิพลมืดที่ผ่านมา ทำให้หลายคน เลี่ยงที่จะทำตัวอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับตระกูลห้อย  แต่กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์ต้องการเปิดเผยข้อมูลความจริง จึงตัดสินใจตั้งจอถ่ายทอด  ASTV  เพราะถ้าไม่เริ่มต้น ความเปลี่ยนแปลงก็คงไม่เกิด มีคนถามคุณ "สนธิน้อย" หรือ คุณปานชัย แกนนำของกลุ่ม วัย 50 ปี ผู้ที่มีใบหน้าคล้ายคุณสนธิ ลิ้มทองกุลว่า ไม่กลัวเหรอ  ถ้าฝ่ายตรงข้ามส่งคนมาป่วน.....

.."มาก็สู้ตายว่ะ...."



       ในการตั้งจอโปรเจคเตอร์แต่ละครั้ง ก็จะมีตำรวจมาถ่ายรูป คุณนิดและพี่ที่เป็นข้าราชการ 2-3 คน รีบไปหลบที่มุมหนึ่งทันที คุณสนธิน้อย มองตามอย่างเข้าใจ หากข้าราชการถูกถ่ายรูปไว้ ส่งไปให้ใครบางคน  อนาคตในชีวิตราชการคงไม่สดใสแน่นอน คุณสนธิน้อยจคงออกรับหน้า ไปคุยกับตำรวจ เบนความสนใจไม่ให้ถ่ายรูปได้ทุกคน โดยเฉพาะคนที่หลบอยู่



     ช่วงต้น ก.ค. มีการตั้งเวทีพันธมิตรสัญจรตามต่างจังหวัดมากขึ้น ภาคอีสานมีการตั้งหลายเวที ทั้งที่ขอนแก่น โคราช ซึ่งมีคนเสื้อแดงตามมาป่วนตลอด แต่พันธมิตรในอีสานก็ยืนหยัดสู้ จัดเวทีอย่างต่อเนื่องวันต่อวัน 9-10-11-12 ก.ค.2551 นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-กาฬสินธุ์ - ร้อยเอ็ด.... ที่นครพนม และสกลนคร นปก.บุกป่วนหนัก ขว้างหิน ยิงหนังสติ๊กเข้าใส่จนพี่น้องพันธมิตรหัวแตก ได้แผลมากบ้าง น้อยบ้าง  มาถึงวันที่ 11 ก.ค. จัดกัน 3 จังหวัด อุดรธานี กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด แต่วันนั้น กาฬสินธุ์ โดนหนักที่สุด เพราะมีพี่น้องพันธมิตรจำนวนน้อย ขนาดมีพันธมิตรจากอุดรธานีมาช่วยแล้ว ยังโดนก่อกวนอย่างหนัก นปก.ตามไปรื้อเวทีตั้งแต่เช้า จนต้องย้ายเวทีถึง 3 ครั้ง  ในที่สุดตอนเย็นต้องตั้งเวทีประจันหน้ากับ นปก. กว่าจะปิดเวทีและพาวิทยากร ผู้ปราศรัยออกมาได้ ต้องยื้อกันพอสมควร

      หลังข่าวการป่วนของ นปก.หลายจังหวัด วันที่ 12 ก.ค. สุรินทร์ก็จัดเวทีปราศรัย ดูท่าทางสุรินทร์จะโดน นปก.ไปป่วนอีกเช่นเคย แล้วที่บุรีรัมย์ล่ะ ที่อยู่ห่างจากสุรินทร์เพียง 50 กิโลเมตร ถ้า นปก.ยกพลมา พันธมิตรบุรีรัมย์จะรับมือไหวหรือไม่ ว่าแล้ว นายบอนจึงโทรไปถามสถานการณ์จากคุณนิดในเย็นวันนั้น

 

    "ได้ข่าวว่า พวก นปก. กำลังขนคนเข้ามา ขนคนขึ้นรถใกล้จะถึงตัวเมืองอยู่แล้ว...."
"เฮ๊ย แล้วตอนนี้ที่ลานวัฒนธรรมมีคนอยู่กี่คน"

"มีทีมของพี่จ๊าบประมาณ 10 คน นอกนั้นมีแต่คนแก่"



      นายบอนฟังแล้วเข่าอ่อนทันที จะเกิดเหตุการณ์แบบกาฬสินธุ์หรือไม่  แต่ในเวลานั้นคาดว่า นปก.น่าจะทุ่มกำลังไปป่วนเวทีใหญ่ที่สุรินทร์มากกว่า


ราว 19.00 น.  โทรศัพท์ดังขึ้น

      "บอน!!!  โทรบอกพี่ฮอลล์ให้หน่อย ให้ช่วยไปแจ้งข่าวที่เวทีกลางให้ด้วย ตอนนี้พวก นปก.มันมาปิดล้อม กำลังจะพังเวทีที่บุรีรัมย์แล้ว"

         ที่บุรีรัมย์ในวันนั้น นอกจากจะมีการตั้งจอถ่ายทอด ASTV ที่ลานวัฒนธรรมแล้ว ยังมีการตั้งเวทีปราศรัยการเมืองเวทีเล็กๆ ที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์อีกด้วย...

  ..ครู่หนึ่ง คุณนิดก็ส่งโทรศัพท์ให้คุณสนธิน้อย พูดกะนายบอน


        "ฝากประกาศที่เวทีกลางด้วย มีพวก นปก.จากอำเภอสตึก และรอบนอก ขนคนเข้ามาประมาณ 1000 คน ขู่ให้รื้อเวทีและสั่งห้ามตั้งจอถ่ายทอด ASTV  ขอให้พันธมิตรบุรีรัมย์ออกมาช่วยกันด่วน"

         เสียงที่โทรเข้ามา คุณสนธิน้อยต้องตะโกนพอสมควร เพราะมีเสียงอื้ออึงดังไปทั่วบริเวณ มีเสียงตะโกนด่าทอดังเข้ามาเป็นระยะๆ ในขณะนั้น พวก นปก.เข้าปิดล้อม รื้อ ทำลายเวทีบางส่วน ในขณะที่พันธมิตรที่มีจำนวนน้อย พยายามขัดขวาง ห้ามปราม แต่ก็ต้องถอยเป็นระยะๆ เพราะมีจำนวนน้อยกว่า แค่ 30 คน

       นายบอนรีบโทรหาพี่ฮอลล์ทันที โชคดีที่พี่ฮอลล์อยู่ที่หน้าเวทีพอดี บอกว่ากำลังจะเดินเข้าไปหาคุณสุริยะใส อยู่พอดี เดี๋ยวจะรีบประกาศให้ทันที  พอตอน 2 ทุ่มครึ่ง พี่อมร อมรรัตนานนท์ ก็ประกาศบนเวทีทันที พูดชื่อผู้กำกับฯตำรวจบุรีรัมย์ แล้วรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่นออกไปทั่วประเทศ....
       นปก.ที่ยกพลเข้ามา ขนคนลงจากรถ รวมกำลังแล้วเดินขบวนกันเข้ามา มาที่จุดที่ตั้งจอถ่ายทอด ASTV ก่อน เข้ามาข่มขู่ บอกว่า ห้ามทำแบบนี้อีก ห้ามถ่ายทอด ASTV ไม่งั้นไม่รับรองความปลอดภัย  พันธมิตรที่อยู่ในที่นั้น ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า และมีคนแก่เป็นส่วนใหญ่ ต้องตัดสินใจยอมเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ถอนออกมา ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด ที่มีการยั่วยุจาก นปก. อยู่ตลอดเวลา



         ในระหว่างที่ นปก.กำลังเดินขบวนไปพังเวทีที่สถานีรถไฟ  คุณนิดซึ่งขับมอเตอร์ไซต์ผ่านมาแถวนั้น ก็หยุดแวะถามตำรวจที่ยืนคุมเชิงอยู่แถวนั้นว่า



        "พี่ตำรวจ รู้มั้ย หนูเดือดร้อนนะ เนี่ย กีดขวางการจราจรชัดๆ จะขับรถไปก็ไม่ได้ จะไม่จัดการพวกนั้นหน่อยเหรอ"

        ตำรวจได้แต่ถอนหายใจ และพูดแบบปลงๆ  เพราะทำอะไรไม่ได้มากนัก ก็รู้ๆกันอยู่ว่า นปก.พวกนี้ เป็นคนของใคร ใครเป็นคนพาเข้ามา เห็นเดินออกมาจากแถวบ้านอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง!!

           เมื่อคุณนิดรู้ว่า พวก นปก.ไปข่มขู่ อาละวาดบริเวณที่ตั้งจอถ่ายทอดสด ASTV มาแล้ว เธอจึงรีบขับมอเตอร์ไซต์คู่ใจไปยังสถานีรถไฟ  เห็นต้นขบวนพวก นปก. เลยขับรถไปจอดตรงสี่แยก หน้าขบวนพวก นปก. ในเวลานั้น เธอเลือดขึ้นหน้าแล้ว  จอดรถและชี้หน้าด่าๆๆๆ พวก นปก.ที่กำลังเมามายเต็มที่  พวก นปก. คงงงๆ ที่อยู่ๆก็เจอผู้หญิงขี่มอเตอร์ไซต์ใส่กางเกงขาสั้น มาคนเดียว มาจอดดักหน้า ด่าๆๆๆๆๆ พักใหญ่ก่อนที่เธอจะไปสมทบกับพันธมิตรที่สถานีรถไฟ



           ที่สถานีรถไฟ นปก.เข้ามาปิดล้อม จะเข้ารื้อ พังเวทีปราศรัย พันธมิตรบางคนเข้าไปเจรจา พูดถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถจัดเวทีชุมนุมได้ พันธมิตรบางท่านอยากจะเข้าไปลุยกับ นปก.ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย แต่พันธมิตรผู้สูงวัยได้คอยเตือนสติ ดึงๆเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะมีคนบาดเจ็บมากกว่านี้  ทีมยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์รวมตัวประชุมเครียดอยู่ตลอด จะเอายังไงกันดี



           ทีมงานคนหนึ่งของพี่จ๊าบ เดินเข้าไปจะเจรจากับ นปก. แต่โดนขว้างปา เกือบโดนรุมทำร้าย  ได้แผลกลับมาพอสมควร ในเวลานั้น พันธมิตรที่มีจำนวนแค่ 30 คน เจอ นปก.มาปิดล้อมกว่า 1000 คน ทั้งด่าทอ ข่มขู่ พันธมิตรหลายคนเกิดอาการเลือดขึ้นหน้าแล้ว พี่จ๊าบ , คุณสนธิน้อย และผู้ใหญ่หลายท่านพยายามห้ามปราม ควบคุมอารมณ์กันเอาไว้  แต่ไม่มีใครคิดถอดใจ หลังจากที่ประเมินสถานการณ์ดูแล้ว การจะพูดจากับคนเมา คงไม่เกิดประโยชน์อันใด พันธมิตรจึงตัดสินใจถอยออกมาในตอนนั้น


           วันต่อมา ข่าว นปก. อันธพาล 1000 คน ถูกเผยแพร่ออกไป นักข่าวของ นสพ. ผู้จัดการ ไปสัมภาษณ์ คุณสนธิน้อย ซึ่งบอกว่า แม้เมื่อวานจะต้องงดถ่ายทอดสัญญาณ ASTV แต่จะยืนหยัดถ่ายทอดต่อไป และจะตั้งจอให้ใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย



          * เหตุการณ์ในครั้งนั้น ถือว่า รุนแรงน้อยกว่า เหตุการณ์ นปก.บุกพังเวทีในช่วงปลายเดือน ก.ค.2551 ซึ่งเกิดเหตุการณ์รุนแรงทั้งที่ มหาสารคาม และอุดรธานี ช่วง 22-24 ก.ค.2551 



       1 สัปดาห์ผ่านไป  นายบอนไปบุรีรัมย์ ไปนั่งดูจอถ่ายทอด ASTV  เข้าไปตอน 5 โมงเย็น มีทีมงานของพี่จ๊าบ 2-3 คนมาตั้งจอ และจัดสถานที่ มีคนซื้อข้าวกล่องมาวางไว้  ใครที่แวะมาดู ASTV ก็สามารถหยิบข้าวกล่องทานด้วยกันได้เลย มีหนังสือจากเต็นท์กองทัพธรรมมาวางให้อ่าน รวมทั้งมีกล่องรับบริจาคเงินสนับสนุนกิจกรรมของพันธมิตรบุรีรัมย์อีกด้วย 

        ในช่วงเย็นย่ำค่ำ มีคนมาวิ่งออกกำลังกายในบริเวณนั้น หลายคนวิ่งผ่านไปมา ค่ำๆ มีคนมานั่งดู ASTV อีกหลายสิบคน แม้จะดูเบาบาง เพราะหลายคนยังหวาดกลัวอิทธิพลกันอยู่ แต่ทีมงานยังยืนหยัดกันต่อไป



         ช่วง 1 ทุ่ม ฝนเทลงมาโครมใหญ่ ลานวัฒนธรรม เป็นลานกลางแจ้ง ไม่มีหลังคา ตอนนั้น นายบอนเดินไปกินข้าวเย็นในตลาดเพราะไม่อยากรบกวนข้าวกล่องของพันธมิตรบุรีรัมย์มากนัก ระหว่างนั่งกินข้าวในตลาด มีทีวีเปิดให้ดู เป็นช่องฟรีทีวี แต่สักพักก็มีคุณลุงคนหนึ่ง เดินมาเปลี่ยนช่องเป็น ASTV แล้วก็เดินไปนั่งกินข้าวอีกมุมหนึ่ง  นายบอนเห็นแล้ว ยิ้ม แหม พันธมิตรในตลาดบุรีรัมย์ก็มีเหมือนกันนะ
         ฝนเทลงมาโครมใหญ่ นายบอนรอให้ฝนหยุด ฟังเสียงฝนแล้วก็ถอนใจ คืนนี้ จอโปรเจคเตอร์ถ่ายทอด ASTV ก็คงต้องเก็บไปแล้ว อุปสรรคเยอะจริงๆ.... แต่พอเดินออกมาจากตลาด ในตอนที่ฝนหยุดตก เอ๊ะ เสียงจากลำโพงยังดังอยู่ แต่ที่ลานวัฒนธรรมผู้คนหายไปหมดแล้ว....


           เดินมาถึงลานวัฒนธรรม จอโปรเจคเตอร์ยังเปิดอยู่  ถ่ายทอด ASTV เช่นเดิม  เดินเข้าไปก็เห็นทีมยามเฝ้าแผ่นดินยังคงอยู่ที่นั่น เพียงแต่หามุมหลบฝนกันเท่านั้น ฝนแค่นี้เรื่องเล็ก เพราะเจอฝนตกหนักที่มัฆวานกันมาจนชินแล้ว  เลยเข้าไปนั่งดูพักใหญ่ ฝนก็เริ่มลงเม็ดมาอีก  แต่คราวนี้ มีผ้าใบผืนใหญ่มาคลุมทำเป็นหลังคากันฝนชั่วคราว แต่ละคนต่างช่วยกันยกผ้าใบขึ้นกันฝน มีคนเอาหมวกกันน็อกของช่างก่อสร้างมาแจกให้ใส่กันฝน วันนั้น คุณสนธิน้อยบอกว่า คงต้องหาซื้อผ้ายางมาทำเป็นหลังคา หรือหาเต็นท์ใหญ่ๆมาตั้งไว้เลย
        5 ทุ่ม พอฟัง 5 แกนนำปราศรัยไปพอสมควร  นายบอนก็กลับไปนอน  การตั้งจอถ่ายทอด ASTV คงจะตั้งจอจนดึก จนคนดูกลับกันไปหมด

       .. แต่คืนนั้น พี่จ๊าบและทีมงาน นั่งๆนอนๆเฝ้าดูจอกันยันสว่าง ได้ยินเสียงถ่ายทอด ASTV ในตอนเช้าด้วย

         การตั้งจอ แล้วเปิดเสียงลำโพงดังๆให้ได้ยินไปทั่วบริเวณใกล้เคียงในวันนั้น ..... ในวันนี้ ความตั้งใจของสารวัตรจ๊าบและทีมงานก็สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เมื่อ "เมธีเรดิโอ"  สถานีวิทยุชุมชนในบุรีรัมย์ได้ทำหน้าที่กระจายเสียง เผยแพร่ความจริงตลอด 24 ชั่วโมง ในพื้นที่บุรีรัมย์ ..จังหวัดที่หลายคนคิดเสมอว่า ไม่มีทางทำอย่างนี้ได้เลย

         แต่สารวัตรจ๊าบ พ.ต.ท. เมธี ชาติมนตรี ได้ต่อสู้จนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นจริงขึ้นมา......

* ** บันทึกตอนต่อไป .... สารวัตรจ๊าบกับยุทธการปิดถนนมิตรภาพที่ลำตะคอง


-------------------
© 2552 เมธี ชาติมนตรี & เพ็ญพิมล ใสงาม & พันธมิตรบุรีรัมย์
Replay the memories by นายบอน 7 ม.ค.2552
-------------------

Comments

0 Responses to "บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๑) เมื่อพันธมิตรบุรีรัมย์ 30 คนเผชิญหน้ากับ นปก.1000 คน"

แสดงความคิดเห็น

Video from Burirum



ปิดฉากชีวิตสารวัตรจ๊าบ เปิดฉากการเมืองใหม่
วิีดีโอที่จัดทำขึ้นในงานทำบุญอัฐิ 100 วันสารวัตรจ๊าบ เมื่อ 31 มกราคม 2552 ณ จ.บุรีรัมย์

Clip งานพระราชทานเพลิงศพ สารวัตรจ๊าบ



งานพระราชทานเพลิงศพ ของ สารวัตรจ๊าบ เมื่อ 14 ต.ค.2551 ณ วัดโสมนัสวิหาร กทม.

clip video รวมภาพหายากของสารวัตรจ๊าบ

About

stat



View My Stats